การแต่งบ้านในปัจจุบัน นอกจากจะเน้นความสวยงามแล้ว หลายคนยังให้ความสำคัญกับหลักฮวงจุ้ย เนื่องด้วยความเชื่อของชาวจีนที่สืบต่อกันมาว่าบ้านลักษณะไหนอยู่แล้วดี อยู่แล้วรวย จึงทำให้การแต่งบ้านให้ถูกหลักฮวงจุ้ยได้รับ           ความนิยมเป็นอย่างมาก วันนี้เอาใจคนรักการแต่งบ้านตามศาสตร์นี้โดยเฉพาะ             เรามีไอเดียการแต่งบ้านสวยรวยทรัพย์ด้วยของแต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ยมานำเสนอค่ะ   แต่งบ้านด้วยหินคริสตัลเสริมโชคลาภ         เชื่อกันว่าหินคริสตัลสามารถช่วยดึงดูดโชคลาภเงินทองได้ ดังนั้นการแต่งบ้านด้วยหินคริสตัลจึงถือว่าเป็นการช่วยเสริมดวงทางด้านทรัพย์ให้แก่เจ้าของบ้าน           ซึ่งหินคริสตัลที่นิยมนำมาแต่งบ้านเพื่อเสริมฮวงจุ้ยในด้านการเงินคือ หยก และไพไรต์   แต่งบ้านด้วยกระจกเงาช่วยเพิ่มพูนทรัพย์ให้มีมากขึ้น         การแต่งบ้านด้วยกระจกเงา เชื่อกันว่าสามารถเพิ่มพูนทรัพย์ให้เจ้าของบ้านได้ โดยนำกระจกเงามาแต่งในบริเวณที่เก็บของมีค่า และของมงคลต่าง ๆ อย่างอัญมณีรูปปั้น เป็นต้น จะช่วยสะท้อนให้มีทรัพย์งอกเงยเพิ่มมากขึ้น   แต่งบ้านด้วยรูปภาพช่วยเสริมทรัพย์         การใช้รูปภาพมาประดับตกแต่งบ้านสามารถเสริมพลังฮวงจุ้ยในเรื่องของการเงินได้ เช่น รูปภาพน้ำตก แม่น้ำ ทะเล ภูเขา เป็นต้น โดยต้องเป็นภาพที่สวยงาม มีการเคลื่อนไหวของน้ำ และให้พลังงานของธรรมชาติ   แต่งบ้านด้วยต้นไม้มงคลเสริมดวงทางการเงิน         เพิ่มความเป็นธรรมชาติให้บ้านด้วยการนำต้นไม้มาแต่งบ้าน และถ้ายิ่งเป็นต้นไม้มงคลช่วยเสริมดวงการเงินอย่าง ต้นศุภโชค ต้นไผ่กวนอิม หรือว่านเศรษฐีเรือนใน เป็นต้น ก็จะยิ่งช่วยเสริมโชคลาภมากขึ้น   แต่งบ้านด้วยตู้ปลาเสริมฮวงจุ้ย         การแต่งบ้านด้วยตู้ปลาจะช่วยเสริมฮวงจุ้ยทางด้านการเงิน…

หากคุณกำลังต้องการซื้อคอนโดมิเนียมสำหรับอยู่อาศัย  แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าระหว่างการผ่อนดาวน์คอนโดมิเนียมที่กำลังเปิดตัวโครงการใหม่รอสร้าง หรือคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมโอน พร้อมอยู่ แบบไหนจะดีกว่ากัน??? วันนี้..เรามีข้อได้เปรียบ/เสียเปรียบของคอนโดมิเนียมทั้งสองแบบ มาให้คุณๆ ได้ลองอ่านเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจกันค่ะ คอนโดมิเนียมโครงการใหม่ (รอสร้าง) ❶   ข้อได้เปรียบ มีเวลาเก็บเงินเพิ่มก่อนโอนบ้าน หากคุณพักอาศัยอยู่กับพ่อแม่หรือญาติอยู่แล้ว แต่อยากมีคอนโดเป็นของตนเองใกล้ที่ทำงาน หรือเพื่อการสร้าง ครอบครัวใหม่ของตนเอง หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ ก็ตาม การซื้อคอนโดมิเนียมที่ต้องรอก่อสร้าง ช่วยให้คุณมีเวลาเก็บ เงินเพิ่มไปอีกสักระยะ หรือสร้าง Statement เพื่อยื่นกู้กับแบงค์ เพราะในช่วงที่คอนโดอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คุณ แค่เพียงผ่อนดาวน์ไปก่อน (โดยทั่วไปประมาณ 12-18 งวด) จึงจะกู้เงินมาโอนในภายหลังเมื่อสร้างเสร็จแล้ว ❷  ข้อเสียเปรียบ  มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็น 2 ทาง หากคุณยังไม่มีบ้านพักเป็นของตัวเอง เช่น ไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่/ญาติ หรือมาจากต่างจังหวัด คุณต้องแบกภาระ ถึง 2 ต่อ ทั้งในส่วนของค่าเช่าที่พักปัจจุบันและค่าผ่อนดาวน์คอนโด จนกว่าคอนโดที่ซื้อจะสร้างเสร็จและเข้าอยู่ได้ แถมบางโครงการผ่อนดาวน์หมดแล้ว ยังสร้างไม่เสร็จอีกต่างหาก ซึ่งถือเป็นภาระที่หนักทีเดียวสำหรับผู้ซื้อในภาวะ เศรษฐกิจที่ตกสะเก็ดเช่นทุกวันนี้ ตอนไปเยี่ยมชมโครงการจะไม่ได้สัมผัสกับบรรยากาศจริงภายในคอนโดมิเนียม หากคอนโดยังไม่ได้สร้าง คุณก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นวิวจริงๆ…

บ้านเป็นปัจจัยสี่ ที่ดินเป็นปัจจัยการผลิต ทั้ง 2 สิ่งจึงเป็นที่ต้องการของมนุษย์ การลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านและที่ดินมีโอกาสทำกำไรได้อย่างมั่นคงกว่าการลงทุนอื่น รวมไปถึงความเสี่ยงที่น้อยมาก แต่ต้องเลือกให้ดี และต้องถือว่าเป็นการลงทุนในระยะยาว ถึงจะทำให้อสังหาริมทรัพย์มีมูลค่าสูงขึ้น เริ่มต้นจากการศึกษากลุ่มผู้ซื้อที่อายุต่างกันความต้องการที่อยู่อาศัยย่อมแตกต่างกัน เป็นอย่างไร   อายุ 20– 30 กลุ่มแรกนี้ เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย หลายคนตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เพื่อเก็บเงินไว้ซื้อที่อยู่อาศัย จะเป็นแบบใดนั้น มาดูกัน ผู้ซื้อสมัยใหม่ในเขตเมืองสำคัญอย่างแถวสีลม เพลินจิต สาทร จะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากคอนโดมิเนียม แต่อย่าลืมว่าในเขตเมือง ราคาคอนโดจะแพงหลายสิบล้านโดยช่วงระยะเวลาแรกของการทำงานประมาณ 5 ปี ผู้ซื้อกลุ่มนี้อาจเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ หรืออยู่บ้านญาติ  แล้วในเขตเมืองสำคัญดังกล่าวใครซื้อ ตอบได้เลยว่าผู้บริหาร หรือเจ้าของกิจการ เรียกว่าต้องรวยเท่านั้นที่จะซื้อคอนโดในเขตเมืองสำคัญย่านนั้น  แล้วออกมาอีกหน่อยอย่างเขตเมืองที่สำคัญรองลงไป หรือในเขตรอบนอก เขตนี้ยังพอได้ เพราะมีราคาถูกลงมา ราคาก็ประมาณ 2 ล้าน หรือไม่เกิน 3 ล้าน   อายุ 30– 40 ผู้ซื้อวัยนี้ เห็นอนาคต ไม่ว่าจะเรื่องการทำงานที่ดีขึ้น ตำแหน่งงานดีขึ้น…

อสังหาริมทรัพย์ประเภทไหนที่ได้รับความนิยมสูงสุดขณะนี้ คงตอบได้ไม่ยาก เพราะว่าเห็น ๆ กันอยู่แล้วว่าคอนโดมเนียมนั้น ได้รับความนิยมจากผู้คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบคอนโด แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ ท่านจะเลือกคอนโดอย่างไร ให้ได้คอนโดที่ดีที่สุดสำหรับท่าน หรือซื้ออย่างไรไม่ให้ผิดหวัง ทำไมการเลือกคอนโดมิเนียมจึงต้องพิถีพิถันกันขนาดนั้น เพราะเหตุใด คำตอบถูกใจอย่างแน่นอน โดยท่านควรเลือกในแบบLifestyleของท่าน ซึ่งถ้าเลือกผิดเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่อยู่อาศัยไกลจากที่ทำงาน สถานการศึกษาของบุตรเดินทางใช้เวลานานความหงุดหงิดรำคาญใจจากโครงการ จากนิติบุคคลที่ไม่ได้จัดส่วนกลางให้ผู้อยู่อาศัยในคอนโดได้ใช้กัน เรื่องต่าง ๆ ที่ยกมานั้น ท่านคงไม่อยากเจอ แล้วจะเช็คกันอย่างไร มาดูกัน เรื่องแรกของการเช็คคอนโดที่ยอดฮิตที่สุดคือ ทำเลที่ตั้ง อย่างแรกที่ต้องนึกถึงมากที่สุดคือใกล้ที่ทำงานของท่านนั้นเอง ซึ่งการเลือกไม่ได้หมายความว่าใกล้เท่านั้น แต่ต้องเดินทางสะดวกด้วย การเดินทางนั้น ไม่ว่าโดยทางรถยนต์ การเดินทางไปถึงออฟฟิศอย่างรวดเร็ว รถไม่ติด มีที่จอดรถมาก จอดแล้วเดินไปถึงที่ทำงานไม่เหนื่อยจนเกินไปหรือจะเป็นแบบใกล้สถานีรถไฟฟ้า แบบนี้ท่านคงชื่นชอบอย่างแน่นอน แต่ยังตัดสินใจซื้อคอนโดเพราะเหตุผลทำเลที่ตั้งอย่างเดียวนั้นไม่ได้ เพราะโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยของลูกต้องอยู่ไม่ไกลจากคอนโดเหมือนกัน เพื่อให้บุตรของท่านไปเรียนอย่างมีความสุข สำหรับสถานที่ต่อไปที่ชาวคอนโดต้องอยู่ใกล้คืออะไรมาเช็คกันต่อไป สถานที่ต่าง ๆ ที่ชาวคอนโดต้องอยู่ใกล้  ซึ่งจะขอกล่าวรวม ๆ คือโรงพยาบาล ที่จะทำให้รู้สึกอบอุ่น เวลาตรวจร่างกายหรือเจ็บป่วยไม่สบายจะได้ไปมาได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น สถานที่ต่อไปจะทำให้รู้สึกปลอดภัย นั่นคือสถานีตำรวจ หรือป้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ใกล้ จากนั้นคงไปเรื่องอาหารการกินการอยู่  การช๊อปปิ้ง ก็ต้องห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต…

บ้านหรือคอนโดเป็นที่อยู่อาศัยที่หลายคนคิดอยากเป็นเจ้าของต้องยอมรับว่าราคาสินทรัพย์ประเภทบ้านหรือคอนโดมีราคาค่อนข้างสูง การตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดสักหลังจึงต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบ บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ของผู้ที่จะทำการซื้อบ้านหรือคอนโด วันนี้เรามาดูกันสิว่าถ้าเราจะซื้อบ้านหรือคอนโดสักหลังมีสิ่งใดที่ต้องพิจารณาบ้าง   1.ถามใจตัวเองต้องการบ้านแบบไหน การจะซื้อบ้านหรือคอนโดสักหลังคุณต้องให้ความชอบนำมาก่อน โดยถามใจตัวเองดูว่าชอบบ้านหรือคอนโดกันแน่ เมื่อรู้ความต้องการของตัวเองแล้ว ก็จะได้โฟกัสได้อย่างถูกต้องและไม่เสียเวลากับสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ   2.มีงบประมาณเท่าไรที่รับได้ เมื่อรู้ว่าตนเองต้องการบ้านหรือคอนโดแล้ว ก็ต้องมาดูที่งบประมาณกันหน่อย ว่าคุณสามารถซื้อบ้านในราคาเท่าไร โดยจะต้องไม่ซื้อบ้านเกินกำลังในการส่ง ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาการผ่อนชำระในภายหลังได้   3.เลือกทำเลที่ตั้งกันหน่อย การเลือกทำเลที่ตั้งจะต้องเป็นทำเลที่ดี คุณได้รับความสะดวกในการเดินทาง และถ้าสามารถทำการค้าขายได้ด้วยก็ยิ่งดีไปใหญ่ ก่อนซื้อบ้านหรือคอนโดก็ควรพิจารณาเลือกทำเลให้ดี จะได้อยู่แล้วมีความสุขแถมร่ำรวยอีก   4.เลือกโครงการที่มีคุณภาพ ข้อนี้ก็สำคัญไม่น้อย เพราะเราต้องอาศัยอยู่บ้านไปอีกเป็นระยะเวลานาน ถ้าคุณเลือกโครงการที่มีปัญหา ทั้งเรื่องถนน ท่อระบายน้ำ สาธารณูปโภคที่ไม่ได้มาตรฐานแล้วล่ะก็ ชีวิตของคุณที่เหลือจะขาดความสุขไปมากเลยทีเดียว ดังนั้น ควรลองสำรวจโครงการบ้านหรือคอนโดที่หมายตาอย่างละเอียดเพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง   5.การวางเงินมัดจำและทำสัญญาซื้อขาย มีข้อแนะนำสำหรับการวางเงินมัดจำและทำสัญญาซื้อขายควรตรวจสอบสำเนาโฉนดให้เรียบร้อยทั้งสองด้าน และควรตรวจสอบทะเบียนบ้านของเจ้าของบ้านเดิมด้วย นอกจากนี้คุณควรศึกษาเอกสารสำหรับการวางเงินมัดจำและการทำสัญญาซื้อขาย อย่างละเอียดรอบคอบ   6.การขอสินเชื่อ บางคนไม่อยากเสียดอกเบี้ยจึงจ่ายเงินสดสำหรับซื้อบ้าน แต่ถ้าคำนวณให้ดี อัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้านก็ถูกกว่าเงินกู้ประเภทอื่น ถ้าเรานำเงินสดไปลงทุนแล้วได้เงินที่งอกเงยกว่า การเลือกผ่อนบ้านก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่ถ้าไม่อยากเสียดอกเบี้ยก็สามารถซื้อบ้านหรือคอนโดด้วยเงินสดได้ ขึ้นอยู่กับวิธีคิดและความสะดวกของแต่ละคน   การจะตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดนั้น คุณจะต้องทำการเลือกและพิจารณาปัจจัยรอบด้านเป็นอย่างดี โดยคำนึงถึงอัตรากำลังในการผ่อนชำระของตัวเอง และการสำรวจบ้านที่จะซื้อที่จะต้องอยู่แล้วมีความสุขและคุณได้รับความพอใจ…

การจะปล่อยบ้านให้เช่านั้น ผู้ให้เช่าจำเป็นต้องดูองค์ประกอบของตัวผู้เช่าหลายประการ เพราะจะเป็นการป้องกันในหลายเรื่องเพื่อมิให้เกิดปัญหากวนใจในภายหลัง แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้เช่าเป็นผู้เช่าที่ดีอย่างที่เราต้องการหรือไม่ ลองมาดูปัจจัยในตัวผู้เช่าที่ทำให้เราสามารถคัดกรองก่อนตัดสินใจให้เช่าบ้านได้   1.เหตุผลที่ย้ายบ้านเช่า โดยตั้งคำถามว่า ทำไมจึงย้ายบ้านเช่า คำตอบจะช่วยคุณประเมินผู้เช่าได้ในระดับหนึ่ง  เช่น ย้ายเพราะต้องมาทำงานแถวนี้  หรือย้ายเพราะใกล้โรงเรียนของลูก หรืออาจจะย้ายเพราะไม่ชอบเพื่อนบ้าน เป็นต้น เพราะเราต้องเข้าใจว่าบางครั้งเพื่อนบ้านที่รบกวนก็ทำให้ผู้เช่าอยากเปลี่ยนที่อยู่อาศัยด้วยเช่นกัน แต่ถ้าอยากรู้ว่าย้ายเพราะมีปัญหากับเจ้าของเดิมก็อาจทำได้ยากเพราะคงไม่มีใครอยากบอกความจริงในเรื่องนี้   2.กำหนดการเข้าอยู่อาศัย ถ้าคุณเจอผู้เช่าที่ประเภทขอเช่าอยู่พรุ่งนี้วันมะรืนนี้เลย คุณก็อาจสงสัยว่าทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้น มีปัญหาอะไรกับเจ้าของบ้านเดิมหรือเปล่า การคัดเลือกผู้เช่าหากคุณรู้สึกว่าไม่ใช่ก็ไม่ควรรีบร้อนรับคนเช่าเข้ามาทันทีเพราะอาจนำปัญหามาให้แก้ทีหลังได้   3.คิดว่าจะอยู่ที่นี่นานเท่าไร เป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านควรตระหนัก เพราะหมายถึงการต้องหาคนเช่าบ้านใหม่ ซึ่งก็ต้องทำสัญญากันให้ดี อย่างน้อยก็ 1 ปี หากอยู่ต่ำกว่านั้นก็มีสิทธิ์ริบเงินมัดจำได้ ผู้เช่าบางรายอาจให้คำมั่นสัญญาแก่เราด้วยปากเปล่าว่าจะอยู่ถึง 3 ปี  ซึ่งเราก็ต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป   4.ผู้เช่าทำงานอะไร การได้สอบถามในเรื่องของการทำงาน จะทำให้คุณประเมินผู้เช่าได้ในระดับหนึ่งว่าเขาจะไม่มีปัญหาเรื่องการจ่ายค่าเช่าล่าช้า แต่ถ้าคุณไม่รู้ในจุดนี้เลยก็จะทำให้คุณไม่สามารถตอบคำถามให้กับตนเองได้ว่าคนที่คุณให้เช่านั้นแท้จริงเขาทำงานอะไรกันแน่ การถามจึงเป็นการได้มาซึ่งคำตอบที่ดีที่สุด   5.พร้อมจ่ายค่ามัดจำหรือไม่ สัญญาณการเช่าจะเกิดโดยสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อมีการวางเงินค่าเช่าหรือเงินมัดจำ หากผู้เช่าไม่พร้อมจ่าย นั่นหมายความว่าอาจจะมีปัญหาทางการเงิน คุณอาจจะสแกนผู้เช่าได้จากตรงนี้ แล้วทำการเลือกผู้เช่าที่มีความพร้อมรายอื่นต่อไป   6.จำนวนผู้อยู่อาศัยทั้งหมด เป็นการดีที่คุณจะทราบจำนวนผู้อยู่อาศัย เพราะคุณสามารถประเมินการรักษาบ้านได้เป็นอย่างดี…

เรื่องที่อยู่อาศัยเป็นอะไรที่ต้องคิดกันให้มาก ๆ เพราะหมายถึงเงินหรือค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายอยู่ทุกเดือน ระหว่างการซื้อบ้านกับเช่าบ้านอย่างไหนจะคุ้มกว่ากัน เราคงต้องมาชั่งน้ำหนัก บางคนตัดสินใจเช่าบ้านนั่นเพราะเขาคิดว่าดีกว่าซื้อส่วนบางคนซื้อบ้านเพราะคิดว่าดีกว่าเช่า ซึ่งวันนี้เราก็มีหลักในการคิดว่าจะซื้อหรือเช่าดีมาฝากกัน   1.คำนวณค่าบ้านพร้อมดอกเบี้ยเมื่อผ่อนเสร็จ การที่เราจะซื้อบ้านสักหลัง ต้องดูที่ความจริงเรื่องของอัตราดอกเบี้ย ที่เมื่อส่งไปตามจำนวนปีที่กำหนด คุณจะพบว่าค่าบ้านพร้อมดอกเบี้ยเป็นจำนวนเกือบเท่าตัวหรือพูดง่าย ๆ คือแทบจะซื้อบ้าน 2 หลังได้เลย เมื่อผ่อนหมด หลายคนอาจจะยอมเก็บเงินไว้ก่อนแล้วค่อยซื้อเงินสดทีเดียวเลย แต่บางคนเห็นว่าทำเลดีสามารถค้าขายได้ ซึ่งถ้าซื้อบ้านหลังนี้ในเวลานี้ก็ยังดีกว่าเช่า เพราะมองเห็นโอกาสที่จะค้าขายสร้างรายได้จากบ้านนั่นเอง   2.ข้อดีของการเช่าบ้าน ทีนี้เรามาดูแนวคิดสำหรับการเช่าบ้านกันบ้าง บางคนบอกว่าเดี๋ยวเดือนเดี๋ยวเดือนต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน แต่คุณก็ได้ประโยชน์จากการอยู่อาศัย อาจจะอยู่ใกล้ที่ทำงาน การเดินทางไปมาสะดวก ไม่มีภาระผูกพัน ถ้าหากอยากย้ายเมื่อไรก็แจ้งเจ้าของบ้านล่วงหน้า และถ้าหากพบว่าสิ่งแวดล้อมไม่น่าอยู่ ก็สามารถเลือกไปอยู่ที่ใหม่ได้ หลายคนจึงคิดว่าการเช่าบ้านเป็นทางเลือกที่ดีกว่า   3.คิดอย่างรอบคอบก่อนซื้อหรือเช่าบ้าน บางคนซื้อบ้านเพื่อการลงทุน เช่น ซื้อบ้านในปีนี้ อีก 10 ปีต่อมา บ้านและที่ดินมีราคาสูงขึ้น อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่มีการซื้อบ้าน แต่สำหรับคนที่เช่าบ้านอาจเป็นคนที่เริ่มวัยทำงานการเงินยังเป็นแค่เริ่มต้นหากซื้อบ้านลงไปอาจมีปัญหาในภายหลังได้ การเช่าบ้านจึงเป็นทางเลือกที่ดี คล้าย ๆ กับเก็บเงินหรือรอให้เงินเดือนสูงขึ้นเพียงพอที่จะผ่อนบ้านได้อย่างไม่รู้สึกเป็นภาระหนัก   4.ซื้อหรือเช่าขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ หลายคนซื้อบ้านเพื่อปล่อยให้เช่า เพราะมีกำลังในการซื้อบ้าน และสามารถบริหารจัดการในการชำระหนี้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อมีหลังแรกก็ซื้อหลังสองและสามต่อไป…

สำหรับคนที่กำลังผ่อนบ้านอยู่นั้น หากไม่มีปัญหาการผ่อนบ้าน เงินในแต่ละเดือนสามารถจัดสรรได้อย่างลงตัว ก็ไม่ต้องกลัวว่าบ้านจะโดนยึดแต่อย่างใด แต่สำหรับคนที่สร้างหนี้ไว้หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หรือหนี้อื่น ๆ ก็ตาม แล้วเกิดอาการที่เรียกว่าหมุนเงินไม่ทัน หรือเงินไม่พอชำระหนี้ในแต่ละแห่ง และบานปลายมาถึงการไม่สามารถชำระหนี้ค่าบ้านได้ เคสแบบนี้มีให้เห็นมากมาย และการถูกยึดบ้านก็มีให้เห็นเป็นประจำ ทั้ง ๆ ที่ผ่อนส่งมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้บ้านโดนยึด ดังนั้นวันนี้เรามาหาวิธีที่จะไม่ให้บ้านถูกยึดจากธนาคารกันดีกว่า   1.จัดลำดับความสำคัญในการชำระหนี้ ข้อนี้สำคัญมากๆ เลย ขอให้คุณจดรายการหนี้สินทั้งหมดของคุณออกมา แล้วจัดลำดับความสำคัญในการชำระหนี้เสียใหม่โดยให้การผ่อนชำระหนี้ค่าบ้านเป็นการจัดลำดับความสำคัญในอันดับต้น ส่วนหนี้สินอื่น ๆ นั้น ให้คุณจัดลำดับความสำคัญและหาวิธีชำระหนี้สินในหนทางที่สามารถทำได้ และหาทางเพิ่มรายได้ด้วยการทำอาชีพเสริม เพื่อที่จะมีเงินเพียงพอมาชำระหนี้อย่างไม่ติดขัด   2.การเจรจาขอประนอมหนี้ คุณควรศึกษาวิธีการประนอมหนี้ของแต่ละธนาคาร เมื่อคุณรู้ตัวว่าคุณส่งบ้านไม่ไหวแน่ ๆ คุณควรเข้าไปเจรจากับธนาคารเพื่อจะได้ผ่อนปรนในการชำระหนี้ อาจจะขยายเวลาการชำระหนี้ออกไป ซึ่งคุณอาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมหรืออัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มนิดหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าที่คุณจะปล่อยให้บ้านโดนยึด   3.ส่งบ้านไม่ไหวอย่านิ่งนอนใจ ถ้าคุณเห็นท่าว่าคุณจะส่งบ้านไม่ไหวในเดือนนี้ อย่ารอให้มีจดหมายทวงหนี้มา ควรรีบติดต่อกับธนาคารทันที เพื่อให้ธนาคารดำเนินการผ่อนปรน อาจให้คุณขยายเวลาชำระหนี้ หรืออาจใช้มาตรการลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้คุณหายใจหายคอได้คล่อง ดีกว่าคุณปล่อยเลยตามเลย   4.ขอปรับโครงสร้างเงินกู้ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณสามารถผ่อนบ้านได้โดยไม่โดนยึด ธนาคารอาจขยายระยะเวลา หรือให้คุณผ่อนชำระหนี้ในอัตราที่ต่ำ…